เมนู

บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ทิฏฐิ ฯลฯ
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่
หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.
3. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรมเป็นปัจจัยแก่ปรามาส-
ธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย

มี 2 อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ
ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่
หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย.

11. ปัจฉาชาตปัจจัย


[682] 1. ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาส-
ธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย

มี 3 วาระ พึงกระทำปัจฉาชาตะ.

12. อาเสวนปัจจัย


ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย

มี 9 วาระ.

13. กัมมปัจจัย


[683] 1. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม
ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

มี 2 อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่
เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่
เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-
ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
พึงกระทำมูล. (วาระที่ 2)
เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจ
ของกัมมปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ 3)
เจตนาที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ปรามาสธรรม, สัมปยุตต-
ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.

14.

วิปากปัจจัย


[684] 1. ธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม
ที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย
มี 1 วาระ.